#1

#1
pimpim

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

opensource:openoffice

oo
ออกเวอชั่นใหม่ สดๆร้อนๆ สำหรับโปรแกรม OpenOffice.org ในเวอชั่น 3.1.0 Final
สุดยอดโปรแกรมเกี่ยวกับเอกสารในออฟฟิศ หลายๆคนไม่เคยได้ยินชื่อโปรแกรมนี้มาก่อน
ก็มาทำความรู้จักกันซะเลยครับ ….

OpenOffice.org เป็นชุดโปรแกรมประเภทออฟฟิศ (Office)
รูปแบบการทำงานใกล้เคียงกับ Microsoft Office แหล่ะครับผม
ที่สำคัญ OpenOffice.org นั่นเป็นโอเพนซอร์ส (Open Source) ครับ
ดังนั้น เราจึงไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว ในการใช้งานได้อย่างถูกลิขสิทธิ์
อ่อ OpenOffice.org นั้นมีทั้งเวอชั่นสำหรับ OS ต่างๆเช่น Windows, Linux หรือ Mac OS X ก็มีครับ
ในชุด OpenOffice.org ประกอบด้วยโปรแกรมย่อยอีก
ถ้าหากจะเปรียบมวยกับค่าย Microsoft Office ก็อาจได้ดังนี้ครับ
OpenOffice.org Writer คู่กับ Word
OpenOffice.org Calc คู่กับ Excel
OpenOffice.org Impress คู่กับ PowerPoint
OpenOffice.org Base คู่กับ Access
นอกจากโปรแกรมคู่เปรียบมวย ด้้านบนแล้ว OpenOffice.org 3.1.0 Final ยังมี
OpenOffice.org Math โปรแกรมเกี่ยวกับสูตรทางคณิตศาสตร์
OpenOffice.org Draw หากเปรียบแล้ว ก็จะประมาณโปรแกรม Pagemaker หรือ Indesign นั่นแล
เอาหล่ะ พอจะรู้จักกันแล้ว  มาลองเล่นจริงๆกันเลยดีกว่า
ก่อนอื่นก็ไปดาวน์โหลดชุด OpenOffice.org ได้ที่ http://www.openoffice.org ครับ
(ขนาดประมาณร้อยกว่าเม็ก)
สำหรับเวอชั่น 3.1 Final สำหรับ Windows ที่ถือว่าล่าสุดขณะนี้ (5/5/2009) ใช้ลิงค์นี้ครับ
http://ftp5.gwdg.de/pub/openoffice/stable/3.1.0/OOo_3.1.0_Win32Intel_install_en-US.exe
ติดตั้งตามปกติ
oo1
เมื่อติดตั้งแเสร็จแล้ว จะมีชุด OpenOffice.org อยู่ที่เมนู Start
oo2
ลองเข้าตัว Mian หลักของ OpenOffice.org พบกับหน้าจอ Welcome
oo3
เอาหน้าตาแต่ละโปรแกรมมาให้ดูครับ

OpenOffice.org Writer

oo4

OpenOffice.org Math

oo5

OpenOffice.org Impress

oo6

OpenOffice.org Draw

oo7

OpenOffice.org Calc

oo8

OpenOffice.org Base

oo9
เมนูต่างๆของแต่ละโปรแกรมดูเรียบ หรู น่าใช้มากครับ
oo10
ได้เห็นหน้าตาแต่ละโปรแกรม ไปแล้ว อย่ารีรอที่จะใช้ OpenOffice.org ครับ
สถิติจากทาง www.openoffice.org บอกว่า มีคนโหลด OpenOffice.org  ไปแล้วกว่า 50 ล้านครั้ง! หากคุณลองใช้ แล้วเกิดความประทับใจ ก็อย่าลืมบอกต่อๆกันนะครับ
ปลูกฝังค่านิยมการใช้ โอเพนซอร์ส !!!
ปล.เพิ่มเติมหน่อยครับ
OpenOffice.org สามารถใช้ไฟล์นามสกุล .doc .xls .ppt ของ MS Office ได้ด้วย นะครับ
นั่นหมายความว่าสามารถนำงานที่ทำจากใน MS Office มาเปิดใน OpenOffice.org ได้ด้วย
ในทางกลับกัน ก็ นำงานที่ทำจากใน OpenOffice.orgมาเปิดใน MS Office  ได้ด้วยเช่นกัน :)






วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดารา นักร้องที่ชื่นชอบ

1.) Ann Hathaway



anne-hathaway-w-magazine.jpg


เหตุผลที่ชอบ : เพราะเป็นคนที่สวย แสดงหนังได้เป็นธรรมชาติมากๆ


2.) Johny Depp

johnny-depp-68.jpg





เหตุผลที่ชอบ : เพราะแสดงหนังได้ดีมากๆ เป็นคนที่สื่อบทบาทของตัวละครได้ดี





3.) นก สินจัย เปล่งพาณิชย์



3058-sinjai.jpg





เหตุผลที่ชอบ : แสดงเก่ง สวย ไม่หยิ่ง เป็นดาราที่ประทับใจมาตั้งแต่เด็ก



4.) พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์




showfull-76954-5.jpg


เหตุผลที่ชอบ : แสดงเก่ง เป็นตัวของตัวเอง ไม่เสแสร้ง 


5.) Erika Toda

20100804_todaerika.jpg


เหตุผลที่ชอบ : เป็นนักแสดงญี่ปุ่นที่เล่นได้ทุกบทบาท เล่นหนังและซีรี่ย์เกือบจะทุกแนว และแสดงได้ดีด้วย

ข่าวสาร



SAMSUNG XCOVER

01.jpg

Samsung เปิดตัว Samsung Xcover แอนดรอยด์โฟน เวอร์ชั่น 2.3 Gingerbread ที่มาพร้อมความอึด ทนทาน ตามมาตรฐาน IP67 สามารถกันฝุ่นละออง กันกระแทก กันน้ำได้ลึกถึง 1 เมตร สูงสุด 30 นาที 


02.jpg




Balckberry Playbook


blackberry_playbook_01.jpg


แท็บเล็ตพกพาขนาดกะทัดรัดจาก BlackBerry ตัวเครื่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำขลับ วัดขนาดตัวเครื่องได้ความสูง 130.2 มิลลิเมตร กว้าง 193 มิลลิเมตร หนา 10.78 มิลลิเมตร ชั่งน้ำหนักรวมแบตเตอรี่ได้ 430 กรัม
หน้าจอสัมผัส Capacitive ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล แสดงผลสัดส่วน 16:9 มีความละเอียดพิกเซล 170 จุด วัดความกว้างได้ 7 นิ้ว เหนือหน้าจอขึ้นไปเป็นเซ็นเซอร์ ตรวจจับสภาพแสงรอบข้างพร้อมกล้องหน้าขนาด 3 ล้านพิกเซล ส่วนด้านข้างซ้าย-ขวาเป็นลำโพงเสียง

ด้านบนมีปุ่ม Power เปิด/ปิดเครื่อง, หน้าจอ ปุ่มปรับระดับเสียง ปุ่มเล่น/พักมัลติมีเดีย ช่องต่อขนาด 3.5 มิลลิเมตร และไมโครโฟนสนทนาคู่(ซ้าย-ขวา)
ด้านล่างมีช่องเชื่อมต่อประเภทต่างๆ ได้แก่ ช่อง Micro USB ช่อง HDMI และช่อง Charging port สำหรับใช้ร่วมกับแท่นชาร์จ Rapid Charger พร้อมสกรีน หน่วยความจำของเครื่องไว้ด้านล่าง (แบ่งเป็น 3 รุ่นได้แก่ 16GB, 32GB, 64 GB)


อ้างอิงจาก :http://www.siamphone.com

บุคคลที่ี่ชื่นชอบ(ไม่ใช่สายวิชาการ)




Liu Wei




8_1.jpg


"หลิว เหว่ย" ชาวปักกิ่ง วัย 23 ปี ผู้สูญเสียแขนทั้งสองข้าง เนื่องจากอุบัติเหตุไฟฟ้าแรงสูงดูดเมื่ออายุ 10 ขวบ จากนั้น เขาก็ต้องหันหลังให้กับสนามฟุตบอล และหันมาฝึกเป็นนักว่ายน้ำ จนวัย 19 ปี ด้วยปัญหาสุขภาพ เขาก็ต้องทิ้งสระว่ายน้ำไปอีก เขาเคยเปิดผับและเลิกกิจการไป จนหันมาฝึกเล่นเปียโนหวังเอาดีบนเส้นทางดนตรี ในที่สุดก็ได้ขึ้นเวทีใหญ่ "China's Got Talent" เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และชื่อเสียงของเขา ก็ขจรขจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่ทั่วโลก

       กรรมการผู้ตัดสิน กาว เสี่ยวซง ได้ถามถึงแรงผลักดันที่ส่งให้เขามาถึงจุดนี้ หลิว ตอบว่า “ชีวิตผม มีทางเลือกอยู่เพียง 2 ทาง คือ อยู่อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตไปจนตาย หรือไม่ก็อยู่อย่างมีคุณค่าและรื่นรมย์ และก็ไม่มีกฎที่ไหน กำหนดว่าการเล่นเปียโน จะต้องเล่นด้วยมือเท่านั้น” 
       
       หลิว เหว่ย เชื่อว่า มีเพียงตัวเองเท่านั้น ที่อาจกำหนดและควบคุมชะตาชีวิตตัวเอง
       
คุณเข้าร่วมแสดงความสามารถบนเวที China's Got Talent เพื่อที่จะพิสูจน์อะไร?
ผมไม่ได้คิดจะไปพิสูจน์อะไร เพียงรู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ และการแสดงความสามารถในรายการนี้ ก็ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น ก็เลยไปลอง ๆ ดู
        
รายการนี้ มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางมาก ชาวเน็ตจำนวนมากต่างก็ให้กำลังใจคุณ คุณได้เข้าไปดูข้อเขียนของคนเหล่านี้หรือไม่?
ก็ได้เข้าไปดูบ้าง มันเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ที่ดี มีความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มากมาย หากต้องการก้าวหน้า ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
       
คุณได้เห็นข้อความทำนองนี้หรือไม่ อย่างเช่น “ความทะเยอทะยานของคนพิการ” คุณรู้สึกอย่างไรกับถ้อยคำเหล่านี้?
แต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปย้ำคิดย้ำนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ผมอาจไม่ชอบนัก แต่ก็ไม่อาจมองข้ามมันเช่นกัน
       
ตั้งแต่เข้าร่วมรายการฯ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ ถ้ามี คุณทำอย่างไร?
เท่าที่ผมเห็น มีแต่ข้อแนะนำ ไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนแสดงความหวังว่า ผมจะสามารถฝึกฝน เล่นเพลงที่ยากกว่านี้ หรือถ้าเกิดมีเสียงวิจารณ์ ผมก็รับฟังแน่นอน อย่างเช่นบางคนอาจบอกว่า “ถ้าคุณไม่ทำอย่างนี้อย่างนั้น ก็จะไปไกลกว่านี้” ผมชอบฟังเสียงวิจารณ์ทำนองนี้ เพราะนี่แสดงว่าพวกเขาคิดถึง เป็นห่วงคุณ
       
คุณเคยเข้าร่วมกิจกรรมประกวดคัดเลือกในเวทีอื่นมาก่อน และเคยประสบสิ่งที่แย่ ๆ หรือไม่?
คนบางกลุ่มมีความคิดแตกต่างไปจากผม และผมก็ไม่อาจเรียกร้องให้พวกเขามีวิธีคิดเหมือนๆ กับผม
 
ทำไมเลือกเปียโน?
ตอนแรกเพียงรู้สึกสนใจ เล่นเป็นงานอดิเรกเท่านั้น การยึดอาชีพนักดนตรี สิ่งสำคัญอย่างแรกคือจะต้องฝึกความคิดสังสรรค์และทำเพลง สำหรับการเล่นเปียโนเป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจ การเล่นเปียโนเป็นงานรอง การสร้างสรรค์เป็นงานหลัก
       
การเล่นเปียโนด้วยเท้า เรื่องนี้คุณต้องคิดหนักมากไหมก่อนที่จะตัดสินใจ?
สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรยากซับซ้อน ครูสอนดนตรีของผม เคยบอกผมว่า ถ้าต้องการเดินบนเส้นทางดนตรี ก็ต้องฝึกเล่นเครื่องดนตรีสักอย่างให้ได้ และหากคิดทำงานสร้างสรรค์ คุณก็ต้องเรียนคีย์บอร์ดเครื่องดนตรี ดังนั้น ผมจึงมุ่งมาทางนี้
       
ตอนนั้น คุณอายุ 19 ปี เคยฝึกเล่นเปียโนมาก่อนหรือไม่?
ไม่เคยเลย
       
แล้วมีครูคอยแนะนำหรือไม่?
ไม่มี ผมเรียนและฝึกฝนด้วยตัวเอง
       
การฝึกฝน ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงจะเล่นเป็นหรือเล่นได้ดี?
ไม่แน่นอน อยู่ที่จิตใจตัวเอง การเล่นเปียโนขึ้นอยู่กับอารมณ์สูง
       
ระหว่างที่ฝึกฝน เคยบาดเจ็บหรือประสบความยากลำบาก จนคิดล้มเลิกความตั้งใจหรือไม่?
ผมเรียนเปียโนด้วยตัวเอง ไม่มีใครคอยชี้แนะส่งเสริม ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนทนไม่ได้ ผมรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่าเมื่อเริ่มทำอะไรแล้ว ก็จะทำต่อไป
       
คุณเรียน ฝึกเล่นเปียโน 4 ปี โดยใช้นิ้วเท้าสองข้าง จนสามารถทำได้ถึงระดับนี้ บางคุณบอกว่าเป็นเพราะพรสวรรค์ คุณรู้สึกเช่นนี้ด้วยหรือไม่?
เป็นเพราะความตั้งใจมากกว่า ผมไม่คิดว่าผมมีพรสรรค์เหนือกว่าคนอื่น แต่ผมมีความตั้งใจและทุ่มเทมากกว่าใคร ๆ
       
แม้มีความตั้งใจและทุ่มเทมากแค่ไหน ก็ยังมีจุดที่ไม่อาจไปถึง อย่างเช่นการแพนนิ้วเท้าเล่นข้ามขั้นบันไดเสียง
คนทั่วไปใช้มือเล่นเปียโน แพนนิ้วมือเล่นได้ครบบันไดเสียง ขั้นคู่แปด (octave) แต่ผมสามารถฝึกแพนนิ้วเท้าได้ถึงแค่ห้าขั้นในบันไดเสียง ดังนั้น จึงมีข้อจำกัดในการเล่นเพลงที่ดังก้องกระหึ่มและสูงมาก ๆ และบทเพลงที่เศร้าอาดูรที่คลุกเคล้าด้วยอารมณ์ฮึมเหิมเร่าร้อนมาก ๆ แต่ผู้ชมบางท่านก็ให้กำลังใจ เชียร์ให้ผมเล่นเพลงที่ยากกว่านี้ ผมก็จะพยายามดู ซึ่งก็อาจทำให้ผมสามารถขยับขึ้นมาเล่นเพลงที่ยากขึ้นมาหน่อย
 
เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ทำให้สูญเสียแขนทั้งสองข้าง คุณจำอะไรได้บ้าง?
ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้มากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนรอบข้างที่บอกเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตอนอายุ 10 ขวบ ขณะที่กำลังเล่นอยู่ ก็ไปโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตเข้า
       
หลังจากที่สูญเสียแขนไปแล้ว ทำไมถึงได้มาฝึกว่ายน้ำ?
ตอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แพทย์ที่ดูแลการรักษาให้ผม รู้จักสนิทกับครูฝึกของทีมนักกีฬาว่ายน้ำพิการของกรุงปักกิ่ง แพทย์ผู้นั้นได้โทรไปหาครูฝึกฯ บอกว่า “มีคนไข้ที่นี่หน่วยก้านดี คุณจะลองมาดู ๆ ไหม” เมื่อเขามา ก็ชวนผมไปเรียนฝึกว่ายน้ำ ผมจึงได้เริ่มฝึกฯตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก่อนเกิดอุบัติเหตุ ผมว่ายน้ำไม่เป็นเลย
       
และสองปีต่อมา คุณก็ได้แชมป์ในการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำระดับชาติของคนพิการ ได้รับเหรียญทองสองเหรียญ และเหรียญเงินหนึ่งเหรียญ นับว่าก้าวหน้ารวดเร็วทีเดียว
ก็พอไหว แต่ตอนฝึกผมต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น ซึ่งสภาพร่างกายของแต่ละคนในทีมฯมีความแตกต่างกันมาก ผมต้องฝึกร่วมกับคนตาบอด คนใบ้หูหนวก พวกเขาฝึกมากเท่าไหร่ ผมก็ต้องฝึกเท่ากับพวกเขา คุณคิดว่ามันเหมือนกันไหม?
       
และคุณรู้สึกยากลำบาก จนอยากเปลี่ยนไปใช้ชีวิตแบบอื่นหรือไม่?
ลำบากมาก แต่ก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนอาชีพ กลับตัดสินใจสู้ต่อไป
       
แต่ในที่สุด คุณก็เลิกอาชีพว่ายน้ำ เพราะอะไร?
การฝึกว่ายน้ำต้องใช้แรงมาก และเหนื่อยมากเกินไป ตอนผมป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ต้องหยุดการฝึก
       
เมื่อเลิกว่ายน้ำแล้ว คุณคิดสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่?
ผมเป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอด คิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งต่างไปจากคนรุ่นเดียวกัน พวกเขามีชีวิตแบบเดินตามกรอบ ตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษา ก็ทำงาน
 
คุณเคยคิดลังเลหรือเปล่า? แล้วความคิดเห็นของครอบครัวล่ะ?
ผมไม่ลังเลเลย ส่วนครอบครัวผมไม่เห็นด้วยเลย พวกเขาอยากให้ผมเรียนหนังสือต่อ ผมคุยเหตุผลกับพวกเขา ผมคิดว่าการแข่งขันในปักกิ่งดุเดือดมาก แม้ผมจบมหาวิทยาลัย ก็ยังหางานทำยาก
       
ใช้เวลานานไหม ที่จะพูดให้ครอบครัวยอมรับ?
หนึ่งเดือน แต่ก็ไม่ใช่ว่าพูดทุกวัน เมื่อสบโอกาสก็พูด ประสบเรื่องที่เชื่อมโยงกันได้ก็พูดที พวกเราพูดกันเรื่องนี้กันสามหน ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของผม
       
คุณเคยลองทำอาชีพอื่นๆ มาบ้าง?
เปิดผับ แถว ๆ อู่เต้าโข่ว (ปักกิ่ง) ต่อมาก็ปิดไป เพราะเหนื่อยมาก และก็ป่วยด้วย
       
หลายคนที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ก็มักเลิกล้มสิ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะทำ ดูเหมือนว่าคุณจะโชคดี ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมัน?
ตอนเริ่มเรียนเปียโน ครอบครัวผมก็ไปยืมเงินญาติๆและเพื่อนมาซื้อเปียโนให้ผม หลังหนึ่ง 13,000 หยวน บ้านผมเป็นครอบครัวทั่ว ๆ ไป ที่ผมรู้สึกดีมาก
       
พ่อแม่คาดหวังให้คุณมีอนาคตอย่างไร?
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องประสบความสำเร็จมาก แค่เพียงให้สามารถหางานทำ ดูแลตัวเองรอด มีชีวิตอย่างสงบมั่นคง
       
คุณชอบเตะฟุตบอล เมื่อสูญเสียแขนแล้วก็ต้องทิ้งมันไป ต่อมาก็ว่ายน้ำ ด้วยปัญหาสุขภาพก็ต้องทิ้งมันไปอีก คุณคิดว่าโชคชะตาโหดร้ายกับคุณไหม?
จะคิดมากไปทำไม? วันพรุ่งนี้คุณก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป วันๆ เอาแต่จมปลักอยู่แต่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว จะเสียเวลาไปทำไม? สู้นอนหลับให้สบายสักตื่นดีกว่า
       
 
 
 
 
เมื่อคุณประสบปัญหาแต่ละครั้ง ก็พุ่งไปยังสนามใหม่ คุณคิดว่าสิ่งเหล่านี้ก็คือโอกาสหรือเปล่า?
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่ เมื่อผมได้เรียนรู้และทำสิ่งนั้น ๆ มันก็ให้ความรู้สึกใหม่ ๆ
       
คุณเป็นคนที่รู้จักใช้โอกาส?
ผมเพียงรู้สึกว่า เป็นสิ่งที่ควรทำ และผมก็มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
       
การประกวดบนเวทีแสดงความสามารถต่าง ๆ เปิดโอกาสให้คุณอย่างมาก คุณใช้โอกาสเหล่านี้อย่างไร? หลายคนรู้สึกทึ่งมาก คุณเป็นคนหวือหวา ประสบความสำเร็จโด่งดังเพียงชั่วแวบเดียวหรือไม่?
แน่นอน มันเป็นโอกาส แต่การคว้าโอกาสเหล่านี้ก็ต้องเป็นทางที่คุณเลือกจะเดินด้วย ผมหวังจะเป็นนักสร้างสรรค์เพลง ทำเพลงที่ดี
       
คุณเคยวิตกกังวลไหม อย่างเช่นคุณต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากกว่าคนทั่วไป?
ผมไม่ค่อยคิดเรื่องปัญหาความยากลำบาก เมื่อชอบรักที่จะทำแล้ว ก็จะทำต่อไป ยากไม่ยาก เป็นเรื่องที่คนอื่นมอง แต่มันไม่เคยอยู่ในจิตใจผม ใช่ว่าเป็นเรื่องยากแล้วผมจะไม่ทำ คำว่า “ยาก” สำหรับผมแล้ว ไม่ใส่ใจมันนัก
       
นอกจากเป็นนักดนตรีแล้ว คุณมีความใฝ่ฝันอื่นหรือไม่?
ความใฝฝันของผมก็เป็นเช่นนี้มาตลอด ผมเป็นคนมั่นคง และตัดสินใจ แน่นอนมันต้องผ่านการคิดในหลาย ๆ ด้าน รวมทั้งด้านที่เลวร้ายที่สุด
       
และคุณนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการทำเพลงหรือไม่?
การทำเพลง ไม่มีอะไรที่เลวร้าย
       
ในความเป็นจริง เมื่อคุณเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ อุปสรรคที่คุณจะต้องเจอ มีมากกว่าคนอื่น การเดินไปบนเส้นทางนี้ยากลำบากกว่าคนอื่น
ดูกันที่ผลงานดีกว่า เมื่องานออกมาดี ก็เพียงพอแล้ว.
       
ทั้งนี้ ในการแสดงความสามารถบนเวทีรายการ China's Got Talent รอบรองสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 ก.ย. หลิว เหว่ย ได้รับคะแนนชื่นชมมากที่สุด 58 คะแนน หลังจากบรรเลงเปียโน บทเพลง “ราคาแห่งรัก” 《爱的代价》หลิว เหว่ย จึงได้เป็นหนึ่งในตัวเก็งที่ได้รับคัดเลือกขึ้นเวทีประกวดความสามารถรอบสุดท้าย และในวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้เป็นผู้ชนะเลิศของรายการนี้ไปได้ในที่สุด ด้วยการบรรเลงเพลง You're Beautiful ของ James Blunt 


เหตุผลที่เลือก : เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค มีความพยายาม และเชื่อมั่นในตนเอง แม้ว่าตัวเขาเองจะพิการ แต่ก็ยังพยายามทำสิ่งที่เขาทำได้ และมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป

บุคคลที่ชื่นชอบ(สายวิชาการ)



ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์

photo  , 300x225 pixel , 57,840 bytes.

  "ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์"เจ้าของฉายา "เภสัชกรยิปซี" ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัล "บุคคลแห่งปีของเอเชีย ประจำปี ค.ศ. 2008"” จากนิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ทุ่มเททำงานเพื่อผลักดันให้ผู้ป่วยยากไร้ทั่วโลกมีโอกาสได้ใช้ยารักษาโรคเอดส์

  ชื่อยาต้านไวรัสเอดส์อย่างซีโดวูดีน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เอแซดที และ จีพีโอเวียร์ เป็นที่รู้จักในสังคมไทยมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งยานี้คิดค้นและผลิตโดยเภสัชกรไทย ขายโดยองค์การเภสัชกรรมของไทย ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อยาจากต่างชาติได้ถึง 26 เท่า เมื่อหลายปีก่อนได้เดินทางไปถ่ายทอดการผลิตยาในหลายประเทศในทวีปแอฟริกา 
 เหตุผลการลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ของ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เมื่อ พ.ศ. 2545  ก็เพื่อไปช่วยคนที่แอฟริกาตามสัญญา เพราะประเทศไทยไปประกาศในที่ประชุมองค์การอนามัยโลก เมื่อ พ.ศ. 2545 ว่าเราจะไปช่วยเขา  แต่นักการเมืองซีกรัฐบาลที่เกี่ยวข้องตอนนั้นประกาศเสร็จแล้วก็แล้วไป กลายเป็นสัญญาปากเปล่า ทีนี้คนแอฟริกันที่รู้จักกันเขาก็ถามว่าเมื่อไหร่จะไปสักที ก็รู้สึกอายแทนเมืองไทย ก็เลยลา ออกดีกว่า แล้วก็ไปช่วยเขาเอง
"ในประเทศไทยผู้ป่วยโรคเอดส์เยอะแยะ แต่เราก็ช่วยแล้ว ทำยาแล้ว และคนไทยได้ใช้กันหมดแล้ว เราก็เลยไป และคิดว่าตัวเองมีความหมายกับที่อื่นมากกว่า เขาต้องการเรามากกว่า ไปเพราะว่าอยากไป และชอบทวีปนั้นมาตั้งแต่เรียนหนังสือที่อังกฤษแล้ว มีเพื่อนชาวแอฟริกันเยอะ รูมเมท (เพื่อนร่วมห้อง) เป็นทั้งชาวไนจีเรีย และอาหรับ ก็รู้สึกมีความผูกพันกับพวกเขา"
ดร.กฤษณาบอกต่อไปว่า ที่ไปก็เป็นการไปตามสัญญา ไปรักษาสัญญา เพราะว่าเป็นคนเขียนโครงการนี้ขึ้นมากับมือ แล้วเสนอขึ้นไปตามลำดับงาน ก็มีการไปประกาศในที่ประชุมองค์การอนามัยโลก ทุกคนก็ชื่นชมตบมือกันใหญ่ แต่เอาเข้าจริงคนพูดก็พูดไป แต่ตนเป็นคนทำ จึงรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ และก็เต็มใจที่จะไป ส่วนงานที่องค์การเภสัชกรรมนั้นไม่ห่วง เพราะมีคนพร้อมที่จะสานต่อได้อย่างดี โดยเฉพาะเรื่องยาต้านไวรัสเอดส์

"ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง กับเงินเดือน โชคดีที่ไม่ได้ยากจนเท่าไหร่ ก็สบาย จึงใช้เงินตัวเองไปได้ อีกอย่างมันอยู่ที่ใจ ถ้าคิดว่าพอ เราก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้อะไรมากมาย"




อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์ การเภสัชกรรม บอกอีกว่า ที่เลือกประเทศในทวีปแอฟริกา เพราะเขายังมีปัญหาเรื่องผู้นำ ประชาชนยากจน และประเทศมหาอำนาจเอาทรัพยากรไปหมด ทำให้ด้อยโอกาส ไม่มีจะกิน มีโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทั้งเอดส์ มาลาเรีย วัณโรค
โลกนี้มีคนติดเชื้อเอดส์อยู่ 38 ล้านคน อยู่ที่ทวีปนี้ 30 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 90 และแต่ละปีคนตายเพราะมาลาเรีย 2 ล้านคน ตายมากกว่าโรคเอดส์ 2 เท่า ก็มองว่าถ้าไปอยู่ตรงนั้น น่าจะช่วยเขาได้มาก
ประเทศแรกในดินแดนกาฬทวีปที่ ดร.กฤษณาได้เดินทางไปคือ “คองโก” ประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเพชร แทนทาลัม น้ำมัน ฯลฯ แต่ประชากรยากจนที่สุด เพราะถูกประเทศมหาอำนาจเอารัด เอาเปรียบ และมีการสู้รบในประเทศตลอดเวลา 
สิ่งที่ไปทำคือไปสร้างโรงงานยา ไปวาดแผนผังโรงงานยา และสอนผลิตยา จนเขาผลิตยาได้ สูตรยาที่ใช้ในทุกประเทศทวีปแอฟริกา คือสูตรเดียวกับในเมืองไทย แต่ต่างกันก็ที่วัตถุดิบ ซึ่ง ดร.กฤษณายังได้ไปลองที่ประเทศจีนอีกด้วย ซึ่งราคาถูกกว่าของประเทศไทยมากทีเดียว
ดร.กฤษณาบอกว่า ไปช่วยคราวนั้น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก และ  อื่น ๆ ใช้ทุนส่วนตัวทั้งหมด เริ่มต้นที่เจ้าของโรงงานยาในคองโกติดต่อมา เพราะอ่านเรื่องราวของตนและยาต้านไวรัสเอดส์ในนิตยสารภาษาเยอรมัน และเห็นว่ายานี้ดี ก็ติดต่อตนขอให้ไปพบที่เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์  โดยเจ้าของโรงงานบอกว่าจะช่วยพนักงานของเขาฟรี และช่วยคนพื้นเมือง ซึ่งก็เห็นว่าเขาจะช่วยฟรี ก็เลยไป ตอนแรกก็ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่พอผ่านไปหนึ่งปี รัฐบาลเยอรมันก็เข้ามาช่วยเหลือโรงงานในการซื้อเครื่องจักรต่าง ๆ

"อยู่ที่คองโก 3 ปี ตรงนั้นรบกันตลอด เรื่องความปลอดภัยไม่มี บางทีเข้าประเทศนั้นไปทำงานแต่ตกเย็นมานอนอีกประเทศหนึ่ง  และเราก็ไม่รู้ว่าใครจะยิงเราเมื่อไหร่ ช่วงแรกมีคนคุ้มกันตลอด แต่ตอนหลังไม่มี เพราะถ้ามีมากจะยิ่งกลายเป็นเป้า  เรียกว่าตื่นเต้นจนไม่ตื่นเต้นแล้ว และเคยถูกจี้ตอนลงจากรถที่ประเทศไนจีเรีย ซึ่งไปทำโครงการให้สหภาพยุโรป (อียู)  พอตอนหลังก็เฉย ๆ แล้ว คนที่จี้เขาต้องการเงินเท่านั้น ไม่ได้ต้องการชีวิต  แต่ที่ประเทศอื่นอาจจะต้องการชีวิตก็ได้  ไม่รู้นะ เพราะว่าเราเป็นคนต่างชาติเข้าไปที่นั่น ที่นั่นไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เพราะมันอันตรายมาก"
ช่วงเวลาประมาณ 5 ปี ดร.กฤษณาเดินทางไปทั่วทวีปแอฟริกา เพื่อช่วยการสร้างโรงงานผลิตยา สอนวิธีการผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ จนสามารถผลิตยา "แอฟริเวียร์" ในคองโกได้สำเร็จ และยารักษามาลาเรีย "ไทยแทนซูเนท" ยาเหน็บทวาร "อาร์เตซูเนท" เพื่อรักษาโรคมาลาเรีย ในเด็ก ในประเทศแทนซาเนีย รวมถึงฟื้นฟูโรงงานยาในประเทศมาลีซึ่งใกล้ปิดกิจการได้สำเร็จ ผลิตยารักษามาลาเรียระดับอุตสาหกรรมได้ ซึ่งทำให้กว่า 10 ประเทศในแอฟริกา อาทิ อิริคเทอร์เรีย เบนิน รวันดา บุรุนดี ไลบีเรีย ได้รับอานิสงส์มากมาย
เหล่านี้เกิดจากพันธสัญญาที่เคยมีการประกาศไว้ในนามประเทศไทย บวกกับแรงบันดาลใจที่สมัยเรียนที่อังกฤษ ดร.กฤษณามีเพื่อนร่วมห้องเป็นชาวแอฟริกัน และทวีปนี้ก็ธรรมชาติสวยงาม ทุกอย่างจึงลงตัว
ตัดกลับมาที่ประวัติส่วนตัวของเภสัชกรไทยผู้นี้ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เป็นชาว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันอายุ 55 ปี เรียนจบคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ไม่ได้จบแพทย์ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าคะแนนไม่ถึงคณะแพทยศาสตร์ ขาดไปเพียง 1 คะแนนเท่านั้น
ส่วนปริญญาโท จบสาขาเภสัชวิเคราะห์ มหาวิทยาลัยสตราห์ ไคลด์ และปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี มหาวิทยาลัยบาธ ประเทศอังกฤษ จากนั้นรับตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาเภสัชเคมี ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2 ปี ก่อนที่จะลาออกเพื่อทำงานที่องค์การเภสัชกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2532 และได้รับเลือกเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา ด้วยอายุเพียง 37 ปี

"จริง ๆ แล้วชอบศิลปะมาก อยากเป็นวาทยกร เพราะชอบ  ดนตรี ชอบศิลปะ แต่งกลอน เขียนหนังสือ แต่พ่อแม่เป็นหมอเป็นพยาบาล หากจะเลือกเรียนศิลปะก็รู้สึกยังไง ๆ อยู่ ใจจริงอยากเป็นคนคุมวงดนตรีมากกว่าเป็นเภสัชกร เพราะมันสนุกดี ได้คุมจังหวะ แต่ตอนนี้เราก็เหมือนกับคอนดักเตอร์น่ะแหละ เพราะเราไปคุมให้เขาสร้างโรงงาน ให้เขาผลิตยา ก็พยายามปลอบใจตัวเอง เมื่อเราไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็น เราก็ต้องชอบสิ่งที่เรามีอยู่ ต้องทำให้ดีที่สุด"
ดร.กฤษณาบอกอีกว่า เมื่อมีเวลาก็จะฟังดนตรีของทุกประเทศ อย่างเอธิโอเปีย มาเลเซีย อารบิก เพลงไทย ฟังหมด  นอกจากนี้สมัยอยู่โรงเรียนราชินีก็ได้เข้าร่วมวงดนตรีไทย เล่นระนาดเอกอยู่ถึง 6 ปี ซึ่งทำให้ชอบดนตรี  เมื่อไม่ได้ประกอบอาชีพทางด้านนี้แล้ว ก็ไม่ได้เสียใจอะไร ทำอาชีพไหน ก็ต้องทำให้ดีที่สุด 
นอกจากแอฟริกา ดร.กฤษณายังเป็นศาสตราจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยฮาบิน ประเทศจีน  สอนวิชาสร้างโรงงาน สอนวิชาเครื่องมือ เพราะประเทศจีนกำลังจะสร้างโรงงานสมุนไพรเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งก็ได้ไปช่วยเพิ่มเติมหลายอย่างให้ที่นั่น โดยสิ่งที่ไปช่วยนอกประเทศก็คือสิ่งที่เมืองไทยทำเสร็จหมดแล้ว






รางวัลแห่งความภูมิใจ


กว่า 30 ปีแห่งการเรียนรู้ การทำงาน รวมถึงการอุทิศชีวิตให้กับสังคม ทำให้ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ รางวัลนักวิทยาศาสตร์โลก (Global Scientist Award) ประจำปี พ.ศ. 2547 จาก Letten Foundation ประเทศนอร์เวย์, ผู้หญิงคนแรกที่ได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์ จาก Mauny Holly Oke College, USA รวมถึงปริญญากิตติมศักดิ์หลายใบ
เรื่องราวของ ดร.กฤษณา ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศ จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดี ความยาว 45 นาที เรื่อง A Right to Live-AIDS medication for Millions (2006) ได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ และยังถูกนำไปสร้างเป็นละครบรอดเวย์ ชื่อ Cocktail

แต่เมื่อถ้าถามว่ารางวัลไหน ที่ภูมิใจที่สุด ดร.กฤษณาบอกว่าคือ  “รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนราชินี” ซึ่งที่ภูมิใจมาก เพราะโรงเรียนสอนตนเองมาดี สอนให้เข้ากับคนได้ สอนให้มีมนุษยสัมพันธ์กับคน ไม่ได้สอนแต่วิชาความรู้ให้ ซึ่งคนเราต้องมี  หลาย ๆ ด้านประกอบกัน ไม่ใช่ว่าเก่ง...แต่เอาตัวไม่รอด ต้องมีน้ำใจ นี่คือสิ่งที่ภูมิใจที่สุดไม่ว่าใครจะถาม โดยที่รางวัลนี้เป็น เข็มอักษร สผ.ประดับเพชร
“อายุกว่า 50 ปีแล้ว เพิ่งจะมาได้รับ  ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่คนเราความภูมิใจต่างกัน เราเหมือนเป็นโมเดล เป็นไอดอลให้เด็ก ๆ  ส่วนตัวมีความภูมิใจในโรงเรียนแห่งนี้เสมอ และความคิดดี ๆ ยังได้รับการปลูกฝังอย่างดีจากคนในครอบครัวด้วย โดยเฉพาะอิทธิพลความคิดจาก คุณ ยายเยื้อน วิชัยดิษฐ์ ซึ่งเป็นแม่ชี ที่สอนให้ทำดีทุกครั้งที่มีโอกาส” ดร.กฤษณากล่าว
พร้อมทั้งบอกว่า เคยได้รางวัลเป็นเงินเป็นทองเยอะ ๆ แต่ก็เฉย ๆ ก็บริจาคไป และไปที่แอฟริกา หรือไปทำงานที่ไหน ก็จะไปตั้ง มูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ แล้วก็เอาเงินจากยอดขายยามาเข้ามูลนิธิฯ เพื่อจะช่วยเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ตายเพราะเอดส์ และเด็กก็ติดเอดส์ด้วย

อ้างอิง : http://www.nathoncity.com/paper/1155

ภาพยนต์ที่ชอบ5อันดับ

1.) Tangled

tangled-poster.jpg



เหตุผลที่ชอบ : เพราะเป็นอนิเมชั่นที่สามารถดัดแปลงเทพนิยายให้สนุก ไม่น่าเบื่อ ภาพสวยงาม และเพลงเพราะมาก


2.) Insidious

insidious_poster.jpg



เหตุผลที่ชอบ : เป็นภาพยนต์สยองขวัญที่ฉีกแนวไปจากหนังผีทั่วไป และไม่ซ้ำใคร เนื้อหาน่าติดตาม มีสิ่งที่ให้ผู้ชมขบคิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง


3.) Inception

inception_poster-3.jpg


เหตุผลที่ชอบ : เป็นภาพยนต์ที่เนื้อหามีความซับซ้อนมากกก ดูได้หลายรอบ ไม่เบื่อ ฉากในเรื่องอลังการ และน่าสนใจ


4.) กวน มึน โฮ


hello-stranger-poster-trailer.jpg


เหตุผลที่ชอบ : เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังไทยที่มีสาระ และตลกได้ในเวลาเดียวกัน เนื้อเรื่องครีเอตสุดๆ 

5.) Harry Potter And The Deathly Hallows  

harry_potter_7_posters.jpg

เหตุผลที่ชอบ : Harry Potterทุกภาคฉากสวยงาม แต่ที่ประทับใจภาคนี้เป็นพิเศษเพราะว่าเป็นภาคที่หนังสือน่าเบื่อมาก แต่ทำหนังออกมาสนุกมาก แบบแตกต่างกันสุดๆ

ภาพจาก : http://www.filmofilia.com





วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

MY PROFILE :D

ชื่อ : สุธิดา กาญจนัมพะ

ชื่อเล่น : พิม

วันเกิด : 7/7/1992

กรุ๊ปเลือด : O

E-mail : sukii_sukii_pimm@live.com

การศึกษา : อนุบาล1-3 - ร.ร. ใจรักอนุบาล
              
                   อนุบาล3-ม.6 - ร.ร.มาแตร์เดอีวิทยาลัย

                   ปริญญาตรี : ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์
                                       คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นิสัย : ดูเหมือนจะเรียบร้อย555

สิ่งที่ชอบ : 1. (เป็นคน)ถ่ายรูป

                 2. หาร้านขนมอร่อยๆ

                 3. ดูหนัง อ่านหนังสือ
    
                 4. นอน

                 5. ท่องเที่ยว

สิ่งที่ไม่ชอบ : 1. คนที่น่ารำคาญ

                      2. แมลงเยอะๆ

                      3. สิ่งที่เข้าใจยากๆ

                      4. การบ้านเยอะๆ

                      5. การออกกำลังกาย